วางแผนการเงิน…ไม่ใช่แค่การลดหย่อนภาษี
(ยาวนิสนึง มีประโยชน์มาก อยากให้ได้อ่านกัน )
ช่วงปลายปีนี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนๆหลายคน เกี่ยวกับการวางแผนภาษี เรื่องมีอยู่ว่า…
อย่างที่เรารู้ช่วงปลายปี คือ ฤดูกาลแห่งการมองหาสินค้าทางการเงินเพื่อลดหย่อนภาษี ไม่ว่าจะเป็น ประกัน กองทุน SSF RMF TESG (ใหม่ล่าสุด) รวมถึงพวก ดอกเบี้ยบ้าน ช้อปดีมีคืน เงินบริจาค ฯลฯ
คำถามที่เจอเยอะสุดคือ หลายคนมักจะให้ช่วยแนะนำ Product หน่อย ว่าควรซื้อตัวไหนดี ??
จริงๆแล้วลองเปลี่ยนคำถามใหม่ WHY ควรมาก่อน HOW/WHAT ไม่ใช่ว่าต้องซื้อตัวไหน แต่ลองเปลี่ยนเป็นคำถามใหม่ว่า “จุดประสงค์ของการซื้อ คือซื้อไปเพื่ออะไร??
เป็นพอร์ตเกษียณ?
เงินออมระยะกลาง/ยาว?
หรือปกป้องความเสี่ยงต่างๆในชีวิต?”
แค่แต่ละจุดประสงค์ ก็ใช้ Product แตกต่างกันแล้ว เพราะ Product แต่ละตัว ทำหน้าที่ต่างกัน
ประกันชีวิต/สุขภาพ = โอนย้ายความเสี่ยง กรณีเสียชีวิต ค่าใช้จ่ายก้อนโตจากการเจ็บป่วย
ประกันบำนาญ = สร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนหลังเกษียณ
กองทุน SSF RMF = ลงทุนให้เงินงอกเงย เอาไว้ใช้ยามเกษียณ/เพื่อออมเงินระยะยาว
การผสมผสานแต่ละ Product เข้าด้วยกัน การจัดลำดับความสำคัญในการซื้อ คือ วิธีการหนึ่งของการวางแผนการเงิน (Financial Planning)
**หากอยากรู้ว่า วางแผนการเงินอย่างไร ลองศึกษาเพิ่มเติมเรื่องพีระมิดการเงิน (Financial Pyramid)
หลังจากตอบคำถามตัวเองได้ว่า ซื้อไปเพื่ออะไร ซื้ออะไร คำถามต่อมา ที่หลายคนชอบถาม คือ ควรซื้อเท่าไร?
ถ้าให้ตอบชัดๆคือ “ควรซื้อตามแผนการเงินแต่ละคน”
ซึ่งแผนการเงินแต่ละคน จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับ
ทุนชีวิตที่ต้องมี…เงินที่จำเป็นต้องใช้หลังเกษียณ…ฯลฯ
เช่น บางคนมีภาระหนี้สิน มีคนที่ต้องดูแลเยอะ ต้องทำทุนชีวิต ก็อาจต้องซื้อประกันชีวิตวงเงินสูงหน่อยเพื่อปกป้องความเสี่ยงกรณีจากไปก่อน
หรือบางคนต้องการมีเงินใช้หลังเกษียณเดือนละ 50,000 ก็ต้องลงไปดูว่าพอร์ตเกษียณที่เราวางแผนมีโอกาสได้ผลตอบแทนเติบโตอย่างที่เราต้องการไหม? หากไม่เป็นไปตามแผน เราจะจัดการอย่างไร?
นี่คือตัวอย่างของแผนการเงินที่แต่ละคนต้องมี ซึ่งหน้าที่ของที่ปรึกษาการเงิน เข้าไปช่วยคิดช่วยวางแผนให้กับหลายๆคนนั่นเองครับ
หลายคนมักจะคิดว่า การวางแผนลดหย่อนภาษี ซื้อเท่าที่ลดหย่อนได้ มากกว่านี้ไม่ซื้อ พอละ
จริงๆแล้วไม่ถูกต้องสักทีเดียว เพราะจริงๆแล้ว การให้โควตาลดหย่อนภาษีของรัฐบาล เช่น หมวดประกัน 1 แสน หมวดกองทุนต่างๆ 5 แสน เพื่อจูงใจให้คนไทยสร้างสวัสดิการให้กับตัวเอง
เพราะในอนาคต ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ ลำพังสวัสดิการจากรัฐบาลไม่มีทางเลี้ยงพอแน่นอน อย่างที่เราเคยได้ยิน ว่ากองทุนประกันสังคม กำลังล่มสลายอีกในไม่ช้า ฉะนั้นไม่ต้องสืบเลยว่าอีก 30 ปีเป็นอย่างไร 555 Every man for himself
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน
มีน้อย เริ่มต้นน้อย ดีกว่ายังไม่เริ่มวางแผนอะไรเลย
หากสับสนไม่มั่นใจ ให้ลองกลับมาที่แผนการเงินของเราเอง
(แผนการเงินสามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ขึ้นกับแผนชีวิตของเรา …เปลี่ยนงานใหม่ แต่งงาน มีลูก เกษียณ ฯลฯ)
หากมีเยอะ อยากทำเยอะเกินกว่าลดหย่อน ทำได้สบายๆ เพราะจะทำให้เราถึงเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งใจไว้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงมี Peace of Mind ในการใช้ชีวิต (พร้อมจนพอ สามารถจากไปได้แบบไร้กังวล เพราะเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว หมดห่วงต่อคนข้างหลัง)
/////////
ช่วงนี้มีโอกาสทักไปหาหลายๆคน เพื่อช่วยชวนคิดวางแผนภาษีช่วงสิ้นปี หลายคนอ่านแล้วไม่ตอบ หลายคนไม่สนใจ Ignored (เป็นเรื่องปกติของงานนี้ )
ไม่ผิดที่คนจะติดภาพจำไม่ดีในอดีต เกี่ยวกับประกัน ตัวแทน ฯลฯ แต่สิ่งนึงที่เซอร์ไพรส์มาก เท่าที่ได้คุยกับน้องๆ Gen Y, Gen Z, Millennials เด็กยุคนี้ เดินเข้าหาประกันด้วยตัวเอง เปิดใจกับมันมากขึ้น ไม่รู้สึกหยีเท่าไร เพราะพวกเค้าเติบโตมาแล้วเห็นคุณค่าของมัน
ส่วนตัวซันมาทำงานนี้ เพราะมองเห็นคุณค่าที่เราจะได้จากมัน (ต้องทำทุนชีวิตสูง เพราะมีภาระหนี้สินจากการกู้เงินสร้างบ้าน กลัวตุยแล้วหนี้สินตกไปถึงครอบครัว) และตัดสินใจมาสอบตัวแทนเพราะยังไงเราก็ต้องซื้อให้ตัวเองอยู่แล้ว (แถมซื้อได้ในราคาต้นทุน ทำไมจะไม่เอา )
แต่พอได้มาศึกษาแบบจริงจัง ก็ชอบมากก เพราะประกันคือ “Fundamental of Financial Planning – ก่อนมั่งคั่งได้ ต้องมั่นคงก่อน ก่อนมั่นคงต้องปิดความเสี่ยงก่อน” อยากให้คนไทยตระหนักเรื่องการวางแผนการเงินส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้น
อยากให้หลายๆคนลองเปิดใจกับประกันมากขึ้น เพราะท้ายสุดแล้ว คนที่ได้ประโยชน์จากประกันมากที่สุดคือตัวเราและครอบครัวของเราเอง
หาให้เจอถึงเป้าประสงค์ แล้ววิธีการจะตามมาเอง
If the WHY is powerful, the HOW is easy…Jim Rohn